วันอังคารที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2562

Crane Pad / Hardstand

หลังจากหายไปหลายวัน วันนี้ขอเล่ารายละเอียดเล็กๆน้อยๆเกี่ยวกับ HS (Hardstand)
HS จะต้องออกแบบให้มีพื้นที่เพียงพอในระหว่างการกองเก็บวัสดุ อุปกรณ์ระหว่างการขนส่งและติดตั้งกังหันลม สิ่งที่ต้องพิจารณา ดังต่อไปนี้

1. กำลังรับน้ำหนักแบกทาน (Bearing capacity) ในขณะทำการยกติดตั้งชิ้นส่วน ซึ่งควรพิจารณาร่วมกับแผนการยก (Lifting Plan) เพื่อจะได้กำหนดจุดหรือขนาดพื้นที่ที่ต้องการในการยก ซึ่งจะต้องมีกำลังแบกทานของดินสูงกว่าบริเวณอื่นๆ เช่น บริเวณที่ Tower crane ตั้งอยู่นั้นจะต้องมีกำลังแบกทานของดินที่ 200 kN/sq.m. ส่วนพื้นที่กองเก็บวัสดุ หรือเตรียมงานอาจจะต้องการเพียง 100 kN/sq.m. การวางแผนการใช้พื้นที่ (Utilization plan) จะช่วยให้สามารถประหยัดงบประมาณในการก่อสร้างได้มาก

2. ทางเข้า (Access road) จะต้องพิจารณาตำแหน่ง ขนาด และ มุมเลี้ยว ไม่ให้มีอุปสรรค (Obstruct) กีดขวาง เนื่องจากในการขนส่งอาจเกิดการเปลี่ยนแปลงลำดับการส่งชิ้นส่วนเข้ามาในหน่วยงานได้

3. พื้นผิวชั้นบน ซึ่งปกติแล้วจะเป็นผิวหินคลุก จะมีข้อกำหนดให้ทำการปรับระดับให้ลาดเอียง เพื่อป้องกันน้ำขัง แต่ถ้าระดับลาดเอียงมากเกินไป ก็จะกระทบกับ Tower crane ในส่วนนี้ควรตรวจสอบข้อกำหนดของการติดตั้ง ซึ่งอาจกำหนดไว้เป็น 1% ทิศทางการปรับลาดเอียงนั้นถ้าปรับไปทิศทางเดียวจะทำให้เกิดความแตกต่างของค่าระดับระห่าวงปลายด้านไกลทั้งสองด้านมาก ดังนั้นหากสามารถแบ่งให้ลาดเอียงออกจากแนวศูนย์กลางของฐานรากได้ ก็จะลดความแตกลงได้ครึ่งนึง

4. เสถียรภาพของ HS (Slope stability) การออกแบบระยะลาด ให้มีเสถียรภาพโดยโครงสร้างของชั้นดินเอง จะประหยัดค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงเสถียรภาพได้ แต่ระยะลาดอาจจะไกลออกไปจากขอ HS

5. การป้องกันการกัดเซาะ (Erosion protection) สามารถทำได้หลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการปลูกพืชคลุมลาดดิน การใช้ผ้าห่มดิน (Erosion blanket) หรือการดาดด้วยคอนกรีต (Concrete lining)

วันพุธที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2562

BALANCE OF PLANT (BOP)

จากประสบการณ์ในการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานลม ซึ่งได้มีส่วนร่วมตั้งแต่เริ่มต้นโครงการจนถึงสิ้นสุด เลยขอรวบรวมองค์ประกอบส่วนต่างๆโรงไฟฟ้าพลังงานลมว่ามีอะไรบ้าง ซึ่งจะเขียนในรายละเอียดเพิ่มเติมของแต่ละส่วนต่อไป
  1. สำนักงานและลานเก็บอุปกรณ์ (Site office & lay down area)
  2. ถนนภายในโครงการ(Access road)
  3. ระบบระบายน้ำ (Drainage)
  4. สถานีไฟฟ้า (Electrical substation)
  5. ระบบจัดเก็บไฟฟ้า (Collecting system)
  6. ระบบควบคุมและเก็บข้อมูล (Supervisory Control and Data Acquisition, SCADA)
  7. สถานีวัดลมชั่วคราว (Temporary Meteorological Mast, TMM)
  8. สถานีวัดลมถาวร (Permanent Meteorological Mast, PMM)
  9. ฐานรากกังหันลม (Wind turbine foundation)
  10. ลานประกอบและติดตั้ง (Crane pad and hardstand)
  11. ระบบจำหน่ายไฟฟ้าไปยังผู้รับซื้อ (Transmission line)
  12. อาคารสำนักงานและซ่อมบำรุง Operation and maintenance building)
(ไว้จะมาใส่รูปแต่ละส่วนให้ดูนะ😛)

ถนนสำหรับโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม (Road for Wind Farm)   


ถนนจะต้องถูกออกแบบให้สามารถใช้งานได้ตามวัตถุประสงค์ทั้งในระหว่างการก่อสร้าง และตลอดจนอายุการใช้งานของโรงไฟฟ้า


ระหว่างการก่อสร้าง จะต้องออกแบบให้สามารถขนส่งอุปกรณ์ ทั้งในส่วนของกังหันลม และการก่อสร้างอื่นๆได้ ขนาดความกว้าง, รัศมีโค้ง, ความยาวโค้งดิ่ง และโค้งราบ, กำลังรับน้ำหนักของถนน เป็นต้น

ระหว่างอายุการใช้งานของโรงไฟฟ้า ควรพิจารณาให้สามารถใช้งานได้ตลอดเวลา เพราะอาจมีความจำเป็นจะต้องมีการขนส่งอุปกรณ์ (components) เช่น ใบพัด ของกังหันลม เพื่อเปลี่ยนในกรณีที่เกิดความเสียหายจากฟ้าผ่าได้ และจะต้องสามารถขนส่งได้ทั้งขาเข้า และขาออก

การออกแบบถนนสำหรับงานโรงไฟฟ้าพลังงานลมนั้น จะต้องพิจารณาเพิ่มเติมในด้าน ระยะกวาดใบพัด (swept path) ซึ่งจะแปรเปลี่ยนไปตามความยาวของใบพัด โดยจะต้องไม่มีสิ่งกีดขวางในบริเวณที่ใบพัดจะกวาดในระหว่างการเลี้ยว ซึ่งจะสามารถอ้างอิงได้จากข้อกำหนดของผู้ผลิตกังหันลม เช่น จะต้องไม่มีสิ่งกีดขวางที่สูงเกินกว่า 2 เมตร จากผิวจราจร และจะต้องมีระยะห่างจากขอบถนนเป็นระยะกี่เมตร และจะควรพิจารณาระยะปลอดภัยเพิ่มเติมอีกดวย (safety clearance) นอกจากนั้นจะต้องตรวจสอบสิ่งกีดขวางในแนวดิ่งด้วย จากประสบการณ์การควบคุมโครงการที่ผ่านมา ระยะปลอดภัยในแนวดิ่งนั้น ได้ทำการยกสายไฟฟ้าในเส้นทางขนส่งภายในชุมชนโดยให้มีระยะปลอดภัยที่ 8 เมตร เพื่อให้การขนส่งสามารถทำได้โดยไม่ต้องเสียเวลาในการหยุดรอ

การสำรวจก่อนการออกแบบถนน
1. การสำรวจสภาพภูมิประเทศ (topographic survey) เก็บข้อมูลสภาพภูมิประเทศโดยรวม, ถนนที่เชื่อมต่อกับถนนโครงการ, ต้นไม้, สะพาน, ค่าระดับทั้งในแนวถนนและที่ดินติดถนนตลอดแนว, เสาไฟฟ้า หรือสิ่งปลูกสร้างอื่นๆ และแนวคูคลอง ลำน้ำเดิม
2. การทดสอบกำลังรับน้ำหนักเส้นทางเดิม เนื่องจากโรงไฟฟ้าพลังงานลมมักจะตั้งอยู่สถานที่ห่างไกล หรือบนภูเขา การก่อสร้างถนนสำหรับโครงการจึงเป็นชนิดแบบถนนหินคลุก หรือถนนดิน (unbound road) เพื่อให้งบประมาณไม่สูงเกินไปนัก การทดสอบกำลังรับน้ำหนักของถนนเดิมจะช่วยให้ผู้ออกแบบสามารถพิจารณาการคัดเลือกวัสดุและความหนาโครงสร้างชั้นทางได้อย่างเหมาะสม

(หัดเขียนบล็อกใหม่ๆก็งี้ มันจะงงๆหน่อย เดี๋ยวค่อยเข้ามาแก้ ใหม่😁😉)